อาการชามือ ชาเท้า เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อย ในหลายคนโดยเฉพาะคนในกลุ่มของวัยทำงาน ซึ่งมีสาเหตุจากหลายอย่าง อาทิ การนั่งทำงานหรืออยู่ในท่าเดิมนานๆ ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงมือหรือเท้าไม่ได้ การทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ทำให้ขาดแร่ธาตุและวิตามิน ซึ่งบางครั้งอาการชามือ ชาเท้า เกิดบ่อยจนหลายคนมองข้ามไปว่า อาการเหล่านี้คือสัญญาณอันตราย
อาการชามือ ชาเท้า ถือได้ว่าเป็นอาการแรกเริ่มของโรค ปลายประสาทอักเสบ ซึ่งโรคนี้ เป็น กลุ่มโรคที่มีอาการทางเส้นประสาทที่มีหน้าที่รับคำสั่งจากสมองและไขสันหลัง ไปยังอวัยวะต่างๆ หากเส้นประสาทจุดใดจุดหนึ่งมีปัญหา อาจส่งผลให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ และเกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาการเจ็บปวด แสบร้อน สั่นสะเทือน หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้ ซึ่งเส้นประสาท จะมี 2 ประเภท คือเส้นประสาทในสมอง ที่มีหน้าที่ ควบคุมจากสมองโดยตรง โดยที่ไม่ผ่านกระดูกไขสันหลัง ซึ่งจะทำหน้าที่ ควบคุมการทำงานของประสาทสัมผัสต่างๆ อาทิ การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า การออกเสียง การควบคุมกล้ามเนื้อคอ ไหล่ ลิ้น และ เส้นประสาททั่วไป คือ เส้นประสาทที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย โดยเป็นเส้นประสาทที่ต่อมาจากไขกระดูกสันหลัง ดูแลกล้ามเนื้อของอวัยวะต่างๆ ซึ่ง ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ก่อให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบ ก็คือ การใช้งานที่หนักเกินไป โรคเรื้อรังต่างๆ อาทิโรคไต ภาวะขาดวิตามิน ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง เส้นประสาทเกิดภาวะการทำงานผิดปกติ ซึ่ง อาการ ชามือ ชาเท้า ซึ่งหากเป็นมากขึ้นและกินระยะเวลานาน หรือมีการลามไปถึงสะโพก เป็นอาการที่บ่งบอกว่า อาจเกิด กระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท ซึ่งอาจทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้เลย
ซึ่งอาการชามือ ชาเท้า แม้อาจจะมองว่าไม่รุนแรง แต่เราก็ไม่ควรมองข้าม หากเกิดบ่อยครั้งและเป็นมากกว่าปกติ รวมไปถึงมีอาการชาลามไปถึงบริเวณอื่น อย่านิ่งนอนใจไปเพราะนั่นเป็นสัญญาณที่เตือนให้เราควรไปพบแพทย์ก่อนที่จะเกิดอันตรายนั่นเอง หากผู้อ่านท่านใดมีอาการชามือ ชาเท้า อยู่เป็นประจำ จนเกิดผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานไม่ได้ หรือ เดินลำบาก ขอแนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและหาสาเหตุของอาการชา พร้อมทำการรักษา
H8 Clinic คลินิกเฉพาะทางด้านโรคทางเส้นประสาทและสมอง ยินดีให้คำแนะนำและคำปรึกษา อาการชามือ ชาเท้า พร้อมทำจากวินิจฉัยและรักษาติดตามอาการให้คุณหายป่วยจากอาการ ชามือ ชาเท้า ได้ค่ะ